ผู้ตั้งคำถาม
|
สถิติงานวิจัย |
ผู้ตอบคำถาม
admin 5 ส.ค. 2557 15:20:44 |
การเลือกใช้สถิติในงานวิจัย การเลือกสถิติวิเคราะห์ข้อมูลเป็นขั้นตอนที่สำคัญขั้นตอนหนึ่งของการวิจัยไม่แพ้ขั้นตอนอื่นๆ ดังที่ทราบว่าการวิจัยเป็นกระบวนการ (process) ดังนั้นทุกขั้นตอนของการวิจัยจึงมีความสำคัญนักวิจัยจึงต้องพิถีพิถันในงานวิจัยทุกขั้นตอน ในขั้นตอนของการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการวิจัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ผู้วิจัยจะต้องพิจารณาตัดสินใจเลือกใช้สถิติ ที่เหมาะสมสำหรับงานวิจัยนั้น ทั้งนี้งานวิจัยที่ดี งานวิจัยที่มีคุณภาพนั้นมิได้หมายความว่าจะต้องเป็นงานวิจัยที่ใช้สถิติชั้นสูงที่มีความสลับซับซ้อนเท่านั้น แต่อยู่ที่ว่าการใช้สถิติได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม หากนักวิจัยเลือกใช้สถิติที่มีความสลับซับซ้อนแต่สถิตินั้นไม่สอดรับกับข้อตกลงเบื้องต้น (assumption) ของการเลือกใช้สถิติแต่ละตัวงานวิจัยชิ้นนั้นก็จะเป็นการนำไปสู่การสรุปที่ผิดพลาดได้ เท่ากับว่าความพยามที่นักวิจัยพยามดำเนินการมาโดยตลอดในกระบวนการกำหนดกรอบความคิด (Conceptualization) นั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง โดยข้อสำคัญที่ช่วยให้สามารถเลือกใช้สถิติที่ เหมาะสมได้ ผู้วิจัยต้องวิเคราะห์งานวิจัยที่วางแผนไว้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงวัตถุประสงค์ สมมติฐาน ตัวแปรที่ศึกษาวิจัย และประโยชน์ของการนำข้อมูลไปใช้ รวมทั้งต้องมีความเข้าใจเทคนิคการวิเคราะห์ของสถิติประเภทต่างๆ ก่อนการตัดสินใจเลือกใช้สถิติตัวใดสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยเรื่อง นั้นๆ กล่าวคือนักวิจัยต้องมองงานวิจัยให้ถ่องแท้ทั้งกระบวนการ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่านักวิจัยในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องคำนวณ สถิติแต่ละตัวเพราะในปัจจุบันมีโปรแกรมสำเร็จรูปที่ช่วยประมวลผลทางสถิติอยู่จำนวนมาก อาทิเช่น IBM SPSS19, SAS , ISP , MINITAB เป็นต้น ความสำคัญของนักวิจัยคือจะต้องเลือกใช้สถิติให้ถูกต้องและเหมาะสม และที่สำคัญคือจะต้องแปรผลการประมวลจากโปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ ได้ แต่ก่อนที่จะทำความเข้าใจในหลักการเลือกใช้สถิตินักวิจัยจะต้องมีความเข้าใจในหลักสถิติพื้นฐานที่สำคัญคือการต้องทำความเข้าใจในการแบ่งสถิติประเภทต่างๆ ตัวแปร และระดับการวัดเป็นต้น ประเภทของสถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลการวิจัย
2.2 สถิติที่ไม่ใช้พารามิเตอร์ (Non-parametric Statistics) เป็นวิธีการทางสถิติที่ไม่ขึ้นอยู่กับข้อจำกัดใด ๆ โดยไม่ต้องคำนึงถึงข้อตกลงเบื้องต้นในการเลือกใช้สถิติ (Assumtion) แต่ละตัว จำนวนตัวแปรและระดับการวัด ตัวแปร (Variables) คือ คือมโนทัศน์(concept) ที่มีความเป็นนามธรรมสูงและสามารถแปรเปลี่ยนค่าได้เช่นน้ำเพศ เราสามารถแปรเปลี่ยนค่าได้ว่าเป็นเพศชาย หรือหญิง อายุ ส่วนสูง เจตคติเป็นต้น โดยในกระบวนการวิจัยเชิงสำรวจการทำความเข้าใจตัวแปรนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งนักวิจัยจะต้องใช้เวลาอย่างมากที่จะทบทวนวรรณกรรมอันนำมาสู่การกำหนดกรอบแนวความคิด ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ ที่ต้องนำมาศึกษาในงานวิจัยชิ้นนั้น โดยในการการวิเคราะห์ข้อมูลในงานวิจัย จะต้องทำเป็นขั้นตอนตามลำดับตั้งแต่การวิเคราะห์ตัวแปรครั้งละ 1 ตัวแปร (Univariate Analysis) การวิเคราะห์ตัวแปรครั้งละ 2 ตัว (Bivariate Analysis) และการวิเคราะห์ตัวแปรมากกว่า 2 ตัวแปร ขึ้นไป (Multivariate Analysis) ซึ่งจำนวนตัวแปรในการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความสำคัญเพราะนักวิจัยจะต้องเลือกสถิติที่เหมาะสมกับจำนวนตัวแปรที่ใช้ในการวิเคราะห์อย่างถูกต้องกล่าวคือ หากเป็นการวิเคราะห์ตัวแปรเพียงครั้งละ 1 ตัวแปร เราไม่สามารถที่จะหาความสัมพันธ์ของตัวแปรได้ สิ่งทีเราสามารถทำได้คือ การอธิบายลักษณะทั่วๆไปของตัวแปรนั้นๆ เพื่อให้เห็นรายละเอียดของตัวแปรนั้นๆ เช่น การกระจาย ค่าเฉลี่ย, ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็นต้น การที่ทราบลักษณะเบื้องต้นของตัวแปรแต่ละตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระจายของ ข้อมูลจะทำให้การจัดกระทำข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นตอนต่อๆไปถูก ต้องเหมาะสมยิ่งขึ้น ส่วนการวิเคราะห์ตัวแปรครั้งละ 2 ตัวแปรจะเป็นการวิเคราะห์เพื่อพิจารณาความแตกต่างหรือหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรทั้งสอง หากเป็นการวิเคราะห์ตัวแปรครั้งละหลายๆ ตัวแปรอาจต้องใช้การวิเคราะห์ พหุคูณ (Multivariate Analysis) ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไป ข้อสำคัญอีกประการหนึ่งที่นักวิจัยจะต้องมองงานวิจัยของตัวเองให้ทะลุปรุโปรงตั้งแต่ขั้นตอนแรกถึงขั้นตอนสุดท้ายเช่นนักวิจัยจะต้องออกแบบเครื่องมือให้สอดคล้องกับข้อตกลงของสถิติที่ตนเองจะเลือกใช้ เช่นนักวิจัยเลือกใช้ Regression Analysis แต่ออกแบบเครื่องมือเพื่อวัดระดับรายได้ เป็นแบบเลือกตอบ มีระดับการวัดเพียง Ordinal scale แทนที่จะทำเป็นแบบสอบถามแบบปลายเปิดซึ่งจะมีระดับการวัดที่สูงกว่าทำให้ไม่สามารถที่จะเลือกใช้สถิติตามแผนการวิจัยที่วางไว้ซึ่งจะกล่าวถึงตัวแปรและระดับการวัดในหัวข้อต่อไป
ระดับการวัดของตัวแปร แบ่งได้เป็น 4 กลุ่มดังนี้ 1) การวัดระดับกลุ่ม (Categorical / Nominal scale) การวัดในระดับนี้เป็นคุณสมบัติที่ต่ำที่สุดในการวัดทางคณิตศาสตร์สามารถบอกได้เพียงความแตกต่าง การจำแนก แต่ไม่สามารถบอกถึงความมากกว่า น้อยกว่าได้ เช่น ตัวแปรเพศ แบ่งได้เป็นสองกลุ่ม คือ ชาย และหญิง สถานภาพสมรส แบ่งเป็น โสด คู่ ม่าย/หย่า/แยก ศาสนาสามารถบกได้เพียงว่ากลุ่มตัวอย่างที่เราศึกษานั้นนับถือศาสนาใด เป็นต้น ได้ไม่ได้บอกว่าอะไรดีกว่า มากกว่าหรือน้อยกว่าได้ 2) การวัดระดับอันดับ (Ordinal scale) เป็นระดับการวัดที่สูงขึ้นกว่าระดับกลุ่ม กล่าวคือ นอกจากจะสามารถระบุความแตกต่าง การแบ่งแยกปะเภทของตัวแปรตามคุณสมบัติของตัวแปรระดับกลุ่มแล้ว ยังสามารถบอกความมากว่า น้อยกว่า จัดเรียงอันดับที่ต่อเนื่องกันได้ เช่น อายุ อาจแบ่งเป็น ต่ำกว่า 20 ปี, 20 – 30ปี, 31 – 40 ปี, และ 40 ปีขึ้นไปเป็นต้น 3) การวัดระดับช่วง (Interval scale) เป็นระดับการวัดที่บอกค่าของสิ่งที่วัดได้ละเอียดขึ้น สามารถบอกปริมาณความแตก ช่องของความแตกต่างได้เพียงแต่ว่าไม่มีศูนย์แท้มีแตศูนยสมมติ (Relative zero) เช่น อุณหภูมิ หมายถึงว่าถ้าอุณหภูมิศูนย์องศามิได้หมายความว่าไม่มีอุณหภูมิ ศูนย์มิได้มีค่าเป็นศูนย์อย่างแท้จริง เช่นเดียวกับตัวแปรอื่นๆ เช่นคะแนนความรู้ คะแนนทัศนคติ เจตคติ เป็นต้น 4) การวัดอัตราส่วน (Ratio scale) เป็นระดับการวัดที่สามารถวัดได้ละเอียดที่สุดที่มีค่าจากจุดเริ่มต้นที่เป็น ศูนย์แท้ คือ ถ้าการวัดนั้นมีค่าตัวเลขที่ได้เป็นศูนย์ แสดงว่าสิ่งที่วัดนั้นมีค่าเป็นศูนย์เช่นกัน นอกจากนี้การวัดอัตราส่วนยังบอกความแตกต่างของสิ่งที่วัดได้เช่นเดียวกับการ วัดระดับช่วงตัวแปรที่มีการวัดในระดับนี้เช่น น้ำหนัก ความเร็ว ความสูง อายุ รายได้ เป็นต้น หลักในการเลือกใช้สถิติที่เหมาะสม 1. ก่อนอื่นนักวิจัยต้องทราบว่างานวิจัยที่กำลังจะทำนั้นจะทำกับใคร ประชากร หรือ กลุ่มตัวอย่าง เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่เรากำลังศึกษา ประชากร ค่าที่ได้จากการศึกษาประชากรนั้นเราจะเรียกว่า พารามิเตอร์ ซึ่งเราจะสามารถสรุปผลที่ศึกษาได้ในทันทีว่างานวิจัยชิ้นนี้คำตอบคืออะไร เพราะสิ่งที่เราศึกษา คือ ประชากรทั้งหมด ดังนั้นคำตอบที่ได้ออกมาไม่ว่าจะเป็นอย่างไร มันคือ คำตอบของ ประชากร สามารถ สรุปได้ว่า สถิติที่ใช้ในการหาคำตอบก็คือ "สถิติเชิงพรรณนา" หากเมื่อใดก็ตามที่เราทำวิจัยกับกลุ่มตัวอย่าง แล้วเราค่าที่ได้จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างนี้เราจะเรียกว่า ค่าสถิติ ซึ่งค่าสถิติตัวนี้เราจะได้มาจากการใช้ "สถิติเชิงพรรณนา" มาอธิบายเช่นเดียวกันกับการศึกษาจากประชากร แต่ "ค่าสถิตินี้เป็นค่าหรือเป็นคำตอบที่เราใช้ในการอธิบายกลุ่มตัวอย่างเท่านั้น เรายังสรุปไปถึงประชากรไม่ได้" ว่า "ประชากร จะมีคำตอบเดียวกันกับกลุ่มตัวอย่าง" 2. จำนวนตัวแปรที่ทำการวิเคราะห์ว่ามีจำนวนตัวแปรอิสระและตัวแปรคามครั้งละกี่ตัว ซึ่งจำนวนตัวแปรนั้นมีผลต่อการเลือกสถิติที่ใช้ในการวิจัย 3. ความมุ่งหมายของการวิจัย การวิจัยต้องการรู้อะไร จะต้องพิจารณาอะไรบ้าง กล่าวคือ 4. ข้อตกลงเบื้องต้น (assumtion) ของสถิติแต่ละตัว ซึ่งนักวิจัยต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมและต้องมีความเข้าใจในข้อตกลงเบื้องต้นของสถิติแต่ละตัวเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการเลือกใช้ 5. ข้อมูลที่รวบรวมได้นั้นเป็นข้อมูลที่ได้จากการวัดตัวแปรในระดับใด พิจารณาจากระดับการวัดของตัวแปรตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น เนื่องจากข้อมูลที่ได้จากการวัดในระดับที่แตกต่างกัน จะต้องใช้สถิติที่อยู่ในระดับไม่เกินของระดับการวัดนั้นๆ |
Lorem ipsum dolor sit amet.